การติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้า 1 เฟส vs 3 เฟส ต่างกันอย่างไร
สารบัญบทความ
ในปัจจุบัน รถยนต์ไฟฟ้ากำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ความต้องการติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าในบ้านก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน การติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าในบ้านนั้น สามารถทำได้ทั้งแบบ 1 เฟส และ 3 เฟส แต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนี้
การติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าแบบ 1 เฟส
การติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าแบบ 1 เฟส เป็นการติดตั้งที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากมีราคาถูกกว่าการติดตั้งแบบ 3 เฟส เหมาะสำหรับบ้านที่มีกำลังไฟฟ้าไม่เกิน 5 กิโลวัตต์ โดยทั่วไปแล้ว เครื่องชาร์จรถไฟฟ้าแบบ 1 เฟส จะมีกำลังไฟฟ้าอยู่ที่ 7 กิโลวัตต์ ใช้เวลาในการชาร์จรถไฟฟ้าประมาณ 6-8 ชั่วโมง
ข้อดีของการติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าแบบ 1 เฟส
- ราคาถูกกว่าการติดตั้งแบบ 3 เฟส
- ติดตั้งง่าย
- เหมาะสำหรับบ้านที่มีกำลังไฟฟ้าไม่เกิน 5 กิโลวัตต์
ข้อเสียของการติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าแบบ 1 เฟส
- เวลาในการชาร์จรถไฟฟ้านานกว่าการติดตั้งแบบ 3 เฟส
- ไม่สามารถชาร์จรถไฟฟ้าที่มีกำลังไฟฟ้าสูงได้
การติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าแบบ 3 เฟส
การติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าแบบ 3 เฟส เป็นการติดตั้งที่เหมาะสำหรับบ้านที่มีกำลังไฟฟ้าตั้งแต่ 5 กิโลวัตต์ขึ้นไป โดยทั่วไปแล้ว เครื่องชาร์จรถไฟฟ้าแบบ 3 เฟส จะมีกำลังไฟฟ้าอยู่ที่ 11 กิโลวัตต์ หรือ 22 กิโลวัตต์ ใช้เวลาในการชาร์จรถไฟฟ้าประมาณ 2-4 ชั่วโมง
ข้อดีของการติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าแบบ 3 เฟส
- เวลาในการชาร์จรถไฟฟ้าเร็วกว่าการติดตั้งแบบ 1 เฟส
- สามารถชาร์จรถไฟฟ้าที่มีกำลังไฟฟ้าสูงได้
ข้อเสียของการติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าแบบ 3 เฟส
- ราคาสูงกว่าการติดตั้งแบบ 1 เฟส
- ติดตั้งยากกว่าการติดตั้งแบบ 1 เฟส
กำลังไฟฟ้าบ้านที่เหมาะสมสำหรับเครื่องชาร์จรถไฟฟ้า
กำลังไฟฟ้าบ้านที่เหมาะสมสำหรับเครื่องชาร์จรถไฟฟ้านั้น ขึ้นอยู่กับกำลังไฟฟ้าของเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าที่ต้องการติดตั้ง โดยสามารถคำนวณได้จากสูตรดังนี้
กำลังไฟฟ้าบ้าน = กำลังไฟฟ้าของเครื่องชาร์จรถไฟฟ้า + กำลังไฟฟ้าอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ ในบ้าน
ตัวอย่างเช่น หากต้องการติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าแบบ 7 กิโลวัตต์ และบ้านมีกำลังไฟฟ้าเดิมอยู่ที่ 3 กิโลวัตต์ จะต้องทำการเพิ่มกำลังไฟฟ้าบ้านเป็น 10 กิโลวัตต์ เนื่องจากกำลังไฟฟ้าอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ ในบ้านอาจมีค่าประมาณ 3 กิโลวัตต์
กำลังไฟฟ้าบ้านที่เหมาะสมสำหรับเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าแต่ละประเภท
เครื่องชาร์จรถไฟฟ้าแบบ 1 เฟส
- กำลังไฟฟ้า 7 กิโลวัตต์ : กำลังไฟฟ้าบ้านที่เหมาะสม 10 กิโลวัตต์
เครื่องชาร์จรถไฟฟ้าแบบ 3 เฟส
- กำลังไฟฟ้า 11 กิโลวัตต์ : กำลังไฟฟ้าบ้านที่เหมาะสม 15 กิโลวัตต์
- กำลังไฟฟ้า 22 กิโลวัตต์ : กำลังไฟฟ้าบ้านที่เหมาะสม 30 กิโลวัตต์
คำแนะนำเพิ่มเติม
- ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านไฟฟ้าก่อนการติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้า เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการชาร์จ
- ควรติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าในพื้นที่ที่ปลอดภัยและสะดวกต่อการใช้งาน
การขอเปลี่ยนกำลังไฟฟ้าบ้าน
การขอเปลี่ยนกำลังไฟฟ้าบ้านนั้น สามารถดำเนินการได้ตามขั้นตอนดังนี้
- ติดต่อการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) หรือ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เพื่อขอแบบคำขอเปลี่ยนขนาดมิเตอร์
- กรอกแบบคำขอเปลี่ยนขนาดมิเตอร์ให้ครบถ้วน และแนบเอกสารประกอบ ได้แก่
– สำเนาบัตรประชาชนเจ้าของบ้าน
– สำเนาทะเบียนบ้าน
– สำเนาหน้าแรกของสมุดบัญชีธนาคาร - ยื่นแบบคำขอเปลี่ยนขนาดมิเตอร์ที่สำนักงาน กฟภ. หรือ กฟน.
- ชำระค่าธรรมเนียมการเปลี่ยนขนาดมิเตอร์
- รอการแจ้งจาก กฟภ. หรือ กฟน. เพื่อนัดหมายวันที่มาติดตั้งมิเตอร์ใหม่
ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนกำลังไฟฟ้าบ้าน
ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนกำลังไฟฟ้าบ้านนั้น ขึ้นอยู่กับขนาดมิเตอร์ใหม่ที่ต้องการเปลี่ยน โดยสามารถตรวจสอบได้จากตารางอัตราค่าบริการไฟฟ้าของ กฟภ. หรือ กฟน.
สรุปการติดตั้งเครื่องชาร์จไฟฟ้าภายในบ้าน
การติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าในบ้านนั้น สามารถเลือกติดตั้งได้ทั้งแบบ 1 เฟส และ 3 เฟส ขึ้นอยู่กับกำลังไฟฟ้าบ้านและกำลังไฟฟ้าของเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าที่ต้องการติดตั้ง หากกำลังไฟฟ้าบ้านมีไม่เพียงพอ จะต้องทำการเพิ่มกำลังไฟฟ้าบ้านก่อนจึงจะสามารถติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าได้
หากสนใจติดตั้ง EV-CHARGER สามารถติตต่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่ 4 Vision Systems เบอร์ 063-458-8991
หรือแอดไลน์เพื่อสอบถามเพิ่มเติม Line: @4vsys ทีมงานของเรายินดีให้คำปรึกษาทุกท่านครับ